
วัดจัดได้ว่าเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างช้านาน ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนไทย วัดถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับคนไทยมาทุกช่วงอายุ ตอนเกิดก็ต้องไปให้พระดูดวงเรื่องชื่อ พอเป็นวัยรุ่นหน่อยก็ต้องบวชเรียน จะแต่งงานก็ต้องขอให้หลวงพ่อดูฤกษ์ให้ จะสร้างบ้าน ซื้อรถ ก็ต้องขอให้พระไปเจิมเพื่อเป็นสิริมงคล และท้ายที่สุดเมื่อตายก็ต้องมาทำพิธีกันต่อที่วัด นั่นจะเห็นได้ว่าวัดกับคนไทยเป็นของคู่กันอย่างแยกไม่ออก แม้ว่าวัดจะเป็นสิ่งที่คนไทยคุ้นชินสักเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อขึ้นชื่อว่าวัดเรื่องของผีสางนางไม้ก็นับว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันตามไปด้วย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยความที่เป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศไทย แน่นอนว่าวัดวาอารามย่อมมีอยู่มากมาย ซึ่งในปัจจุบันนี้หลายๆ วัดก็ยังคงได้รับความนิยม มีพระจำพรรษาอยู่เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีอีกหลายวัดที่มีเหตุการณ์บางอย่างจนทำให้พระไม่สามารถจำพรรษาอยู่ได้และกลายเป็นวัดร้างไปในที่สุด 1 ในวัดที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างก็คือ วัดโพธิ์แตงใต้ อ. บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เรื่องเล่าที่จะได้อ่านต่อไปนี้นับว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลกับเรื่องของ ผีวัดร้างวัดโพธิ์แตงใต้ เรื่องราวมีอยู่ว่า วัดโพธิ์แตงใต้นั้นเดิมทีก็เป็นวัดธรรมดาที่มีพระจำพรรษาอยู่ มีชาวบ้านเข้าไปกราบไหว้บูชากันเป็นเรื่องปกติ ทว่ามีอยู่วันหนึ่งเกิดมีศพหญิงสาวที่ชื่อว่า “รำพึง” เสียชีวิตจากอาการตายท้องกลม ด้วยความที่สัปเหร่อในขณะนั้นมีชื่อว่า “ลุงผล” เป็นคนที่มีความผิดเพี้ยนอยู่ในตัวเมื่อศพของรำพึงกำลังจะจัดการเผา ลุงผลดันบอกว่าให้เผาไปพร้อมกับศพผี 4 ตา โดยที่ใครห้ามก็ไม่ฟัง แม้แต่หลวงพ่อที่จำพรรษาอยู่ออกมาห้ามแกก็ไม่ฟัง โดยบอกแต่เพียงว่าหากเกิดอะไรขึ้นแกจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องราวทั้งหมดเอง และหลังจากที่เย็นนั้นได้ทำการเผาไปเรียบร้อยแล้ว ความเฮี้ยนของ “ผีรำพึง” ก็เริ่มต้นขึ้นมาทันที โดยเป็นการตามปรากฏตัวและหลอกหลอนชาวบ้านที่มาวัดไปทั่วไม่เว้นแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ ทีมักจะอุ้มลูกเดินผ่านให้ชาวบ้านได้เห็นจนตกใจกลัว พระที่จำพรรษาก็ค่อยๆ สึกหรือย้ายวัดไปจนหมด ชาวบ้านก็ไม่กล้าที่จะมาทำบุญกันอีก จนกระทั่งมีพระองค์หนึ่งชื่อว่า หลวงปู่สดมาจำพรรษาและได้ทำพิธีปราบผีนางรำพึงจนไม่เคยมีใครพบเห็นอีก ส่วนลุงผลมีเรื่องเล่าว่าพอแกรู้ว่าผีรำพึงออกอาละวาดแกก็พยายามจะจับมาถ่วงน้ำ ทว่าตอนที่ออกเรือไปเกิดเรือล่มและไม่มีใครพบศพอีกเลย